Posts Tagged ‘ไม่ประสบความสําเร็จในชีวิต’

ข้อเสียของธุรกิจเครือข่าย MLM, จิตวิทยาหมู่ในธุรกิจ MLM โดยน้องอร

Posted: พฤศจิกายน 15, 2010 in วิธีประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM
ป้ายกำกับ:, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

เว็บนี้สร้างขึ้นเพื่อ  

 

 

เล่าเรื่องราว

จากประสบการณ์จริงของชีวิตคนคนหนึ่ง

ที่ล้มเหลวในธุรกิจ MLM (ธุรกิจหนึ่ง)

เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ข้อคิด ข้อเตือนใจ

ในอีกแง่มุมหนึ่ง

ของการทำธุรกิจเครือข่าย MLM ว่า

“หากท่านทำไม่สำเร็จ

ชีวิตของท่านจะเป็นเช่นไร”


ถ้าท่านลงแรงทำธุรกิจ MLM ท่านรู้หรือไม่ว่า 

ความเสี่ยงที่แท้จริงในธุรกิจเครือข่าย MLM คืออะไร

มีอะไรบ้าง

 

และ

ตัวอย่างประสบการณ์ทำ MLM ของคนที่ทำไม่สำเร็จ
ไม่ว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ ด้วยเหตุผลใด
เขาเหล่านั้น เสียเวลา เสียอนาคต ไปอย่างไรบ้าง 

 

โปรดเผยแพร่อุทาหรณ์-ข้อคิด ในเว็บนี้ทั้งหมดให้กับทุกๆคน
โดยเฉพาะน้องๆนิสิตนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่
หรือเพิ่งจบการศึกษา ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

 

 

ประสบการณ์ในการทำธุรกิจ MLM ของพี่นี้

 

เป็นประสบการณ์จริงอันเจ็บช้ำ

ซึ่งพี่ได้เลือกเดินทางผิดที่ไม่เหมาะกับตนเอง

พี่ไม่ได้เกลียดอะไรในธุรกิจนี้

 

แต่อยากบอกเล่าถึงข้อเสียของการทำธุรกิจที่ไม่มีใครกล่าวถึง

 

ในเรื่อง “”หากเราไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย (MLM)…..
แล้วอนาคตของเราจะเป็นเช่นไร””

เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ข้อคิดเตือนใจ
เป็นประโยชน์ในการเลือกหนทางดำเนินชีวิต…ต่อไปในอนาคต

 

 

ธุรกิจ MLM เอ็มแอลเอ็ม กับ บทกลอนเตือนใจ “อัพไลน์…รังแกฉัน” บทกลอนที่เล่าเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตอันเจ็บช้ำในธุรกิจเอ็มแอลเอ็ม หากคุณไม่ประสบความสำเร็จ…อนาคตคุณจะเป็นเช่นไร, จิตวิทยาหมู่ในธุรกิจ MLM

Posted: มีนาคม 15, 2010 in เรื่องเศร้าในธุรกิจเครือข่าย MLM
ป้ายกำกับ:, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

“อัพไลน์…รังแกฉัน”

สักกี่ร้อยชีวิตที่สำเร็จ? หากไม่เข็ดเสียเวลาหลงเป้าหมาย
ล้างสมองมอบชีวิตให้อัพไลน์ เกิดพลั้งผิดธุรกิจล้มไปใครเหลียวมอง

+++++ ธุรกิจประเภทเครือข่ายหรือเรียกว่าธุรกิจ MLM นั้น จะมีกี่คนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง (รายได้เลขหกหลักต้นๆ) เรียกได้ว่า…คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้น มีเพียงแค่ร้อยกว่าคน แต่คนล้มเหลวมีมากจำนวนหลายล้านคน
+++++ ถ้าคุณมี “ต้นทุน” ไม่มากพอ  ไม่ได้มีการศึกษาสูงที่จะชักชวนใครได้  ไม่รู้จักมิตรสหายบริวารมากมายที่จะเข้าไปพูดคุยและลงท้ายด้วยการแนะนำสินค้า  เสียเงินซื้อสินค้ามาใช้มากมายแล้วแต่ก็ยังหาดาวน์ไลน์ใหม่ๆไม่ได้  แล้วยังไม่เข็ด ไม่ฟังคำเตือนจากคนที่มีประสบการณ์เคยล้มเหลวกับธุรกิจนี้มาแล้ว   คุณ…จะต้องพบกับคำว่า “เสียเวลา” เพราะเมื่อคุณได้เข้าไปข้องแวะกับธุรกิจนี้ คุณจะเคลิบคลิ้มไปกับภาพของความสำเร็จ  ตัวเลขรายได้  สไลด์บ้านหลังโต  รถราคาแพง  และภาพวิวทิวทัศน์อันสวยงามจากการได้ท่องเที่ยวฟรีที่เหล่าอัพไลน์นำมาเป็นตัวหลอกล่อให้คุณทำงาน เพื่ออัพไลน์ของคุณจะได้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น  ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น  และคุณ…ต้องพบกับคำว่า “หลงเป้าหมาย” ที่จะใช้เวลาตั้งใจเรียนให้มีอนาคต  ดูแลครอบครัวให้มีความสุข  และแม้แต่ตั้งใจทำงานเพื่อสังคม เพราะคุณ…ได้ถูกสร้างมโนภาพให้คิดเพียงแค่ว่า ความสำเร็จ  ตัวเลขในบัญชี  บ้านหลังโต  รถราคาแพง และการท่องเที่ยวรอบโลก นี้เป็น ความสุขที่แท้จริงสำหรับคุณ
+++++ และถ้าหากคุณหลงเข้าไปร่วมประชุมหรือทำกิจกรรมกลุ่มกับเหล่าอัพไลน์ของคุณ   คุณ…..จะค่อยๆถูกล้างสมองไปทีละนิดๆ โดยไม่รู้ตัวด้วยจิตวิทยากลุ่ม   พร้อมทั้งค่อยๆขายเวลาและความคิดที่คุณมี  ให้กับธุรกิจของเขา  โดยเข้าใจว่าเป็นธุรกิจของคุณ หากคุณถูกล้างสมองมากขึ้น คุณ…ก็จะมอบชีวิตทำงานให้เขาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้ตัว และหลงเชื่อคำล่อหลอกที่เหล่าอัพไลน์ของคุณพูด เพื่อให้คุณทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ เช่น เป็นดาวน์ไลน์ที่ดีต้องเชื่อฟังอัพไลน์ ดาวน์ไลน์คนไหนเชื่อฟังอัพไลน์ เลียนแบบอัพไลน์เก่งๆ คนนั้นก็จะประสบความสำเร็จ ขึ้นตำแหน่งสูงและรวยได้เร็ว
+++++ ท้ายที่สุด ถ้าคุณไม่ได้เป็นทรัพยากรเกรด A ที่สร้างความสำเร็จให้แก่เขา   ชีวิตคุณ…จะถูกมองอย่างหมดค่าหมดความหมายในสายตาของเขาทันที  อัพไลน์คนไหนจะยกหูโทรศัพท์โทรหาคุณ ถ้าคุณไม่ได้ซื้อสินค้าชิ้นใหญ่  อัพไลน์คนไหนจะมาจับมือคุณ ถ้าคุณชวนคนมาไม่ได้  อัพไลน์ของคุณ…เพียงชวนคนใหม่มาทำงานให้เขา และทิ้งทรัพยากรเก่าที่ไร้ค่าเช่นคุณให้เคว้งคว้าง คุณ…จะจบชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าพนักงานที่ถูกไล่ออกเสียอีก เพราะพนักงานเหล่านั้นยังเรียกร้องได้ค่าชดเชยต่างๆที่กฎหมายรองรับ กำลังใจสุดท้ายที่อยากเตือนแด่ผู้หลงผิด คือ คุณ…แค่จบชีวิตด้วยการถูกหลอกใช้แค่นั้นเอง เหมือนถูกแฟนหลอกใช้ ถูกเพื่อนหลอกใช้ ถูกเจ้านายหลอกใช้แค่นั้นเอง เพราะคงไม่มีใคร…..ที่จะเหลียวมาสนใจคุณ และเพราะคงไม่มีใคร…..ที่จะมาคิดถึงกระดาษชำระแผ่นหนึ่งที่ใช้แล้ว

บทความทั้งหมดนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น โดยน้องอร

ความเสี่ยงที่แท้จริงในธุรกิจ MLM, ข้อดี-ข้อเสียการทำธุรกิจเอ็มแอลเอ็ม ธุรกิจเครือข่าย, โดนล้างสมองจากการเข้าประชุมในธุรกิจ MLM, โดนเขาใช้จิตวิทยาหมู่, เหยื่อของจิตวิทยาหมู่ เพราะเข้า Center

Posted: กุมภาพันธ์ 8, 2010 in ความเสี่ยงในธุรกิจ MLM
ป้ายกำกับ:, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

บทความทั้งหมดในเว็บนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

———————————————————————

ข้อความข้างล่างนี้ เขียนเมื่อ 01 ส.ค. 2551

———————————————————————

ความเสี่ยงที่แท้จริงในธุรกิจ MLM

+++++  มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ยิ่งมีข้อดีมาก-ผลตอบแทนมาก ข้อเสียยิ่งต้องมีมากและกว้างขวาง  แต่ข้อเสียเหล่านี้ ใครละ จะออกมาพูดหน้าเวที ให้ตัวเองสูญเสียลูกค้าหรือขาดรายได้ไป พี่เลยขอเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นคนหนึ่งที่บอกถึง “ข้อเสียของธุรกิจนี้ เมื่อน้องๆต้องเลิกทำธุรกิจนี้ไป”
จุดประสงค์ที่พี่เขียนบทความนี้ขึ้นมา คือ เพื่อเตือนรุ่นน้องนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่หรือกำลังจะจบการศึกษาว่า “พี่เดินทางนี้มาแล้วไม่สำเร็จ ทั้งๆที่พี่เป็นคนฉลาด เรียนเก่ง ทำงานคล่องแคล่ว มีเพื่อนเยอะ มีความมั่นใจสูง แถมด้วยผู้นำระดับสูงในธุรกิจนี้หลายคนชมพี่ด้วยความมั่นใจว่า “พี่ทำงานในธุรกิจนี้ได้ดี (เช่น สาธิตสินค้า พูดแผนการตลาด เป็นพิธีกร แนะนำธุรกิจแก่คนใหม่ เป็นต้น) และสามารถทำธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จระดับสูงได้” พี่เลยยิ่งตั้งใจทำธุรกิจนี้มาก แต่กระนั้นพี่ก็ทำธุรกิจนี้ไม่สำเร็จ เพราะตัวพี่เองขาดประสบการณ์ชีวิต ไม่ทันกับคำชมที่หลอกล่อให้เราทำงาน และที่สำคัญ ขาดความคิดเผื่อหนทางที่จะล้มเหลว สิ่งที่พี่อยากจะบอก คือ ความเสี่ยงที่แท้จริงของธุรกิจนี้ พี่ต้องเสียอะไรไปบ้าง เมื่อพี่ไม่คิดเผื่อหนทางที่จะล้มเหลว พี่ต้องเสียอนาคตที่สดใส เสียโอกาสมีงานทำในงานประจำซึ่งเป็นอาชีพที่มั่นคง เสียเวลาและความรู้ที่ได้เรียนมา  เสียโอกาสในการเรียนต่อระดับสูง เสียความมั่นใจในการดำรงชีวิต เสียเพื่อนๆที่รู้จัก เสียโอกาสและหนทางชีวิตทางอื่นๆ

+++++ “เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด” พี่จึงมาเล่าชีวิตและประสบการณ์ของพี่ให้น้องๆได้รับรู้ เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เพราะว่า คนที่ทำธุรกิจนี้  เขาเคยออกมายืนหน้าเวทีแล้วบอกว่า

“ถ้าคุณทำไม่สำเร็จแล้ว จะเสียอะไรบ้าง” หรือเปล่า

————————————————

ผู้นำระดับสูงบอกว่า

+++++ ธุรกิจนี้จะช่วยสร้างคน พัฒนาคนให้เป็นผู้นำ นี่แสดงให้เห็นว่า วัตถุดิบของธุรกิจนี้ คือ คน

+++++ แต่หากเมื่อคนเหล่านี้ ไม่ได้เป็นวัตถุดิบชิ้นเอกที่สามารถหาลูกค้าต่อๆไปได้ล่ะ คำกล่าวที่ว่า “เราจะช่วยคุณให้ประสบความสำเร็จก่อน  แล้วเราจะประสบความสำเร็จตาม” จะยังเป็นความจริงอยู่หรือ

+++++ ผู้นำระดับสูง เขาเคยคิดบ้างไหมว่า “คนที่ต้องเลิกทำธุรกิจนี้ไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใดก็ตาม ชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่เลิกทำธุรกิจนี้ไปจะเป็นอย่างไร”  หรือเขาเพียงคิดว่า  ต้องหาคนใหม่เข้ามาในระบบ เพื่อมาเป็นวัตถุดิบทดแทนคนเก่าที่เลิกทำธุรกิจนี้ไป ระบบนี้มีวัตถุดิบ คือ คน หากวัตถุดิบนั้น  ไม่สามารถเป็นวัตถุดิบชิ้นเอกที่สามารถทำงานจนประสบความสำเร็จไปได้ละ  เขาก็แค่เปลี่ยนวัตถุดิบ เปลี่ยนคนใหม่เท่านั้นเอง โดยทอดทิ้งเราไป นี่แสดงให้เห็นว่า มันคือการทำลายอนาคตและความหวังของคน โดยใช้ความหวังล่อให้ทำงาน  แต่เมื่อเข้ามาทำงานไประยะหนึ่ง  แล้วไม่สามารถทำงานจนประสบความสำเร็จได้  ก็แค่ใช้ความหวัง รางวัล รายได้ไปหลอกล่อคนใหม่เข้ามาสู่ธุรกิจเท่านั้นเอง ดังนั้นผู้นำคนนั้นจึงมีรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง

+++++ เปรียบเทียบกับระบบงานอื่น  หากต้องการเลิกจ้างพนักงาน สังคมก็มีกฎหมายรองรับผู้ถูกเลิกจ้างให้ได้รับผลประโยชน์ต่างๆ มีการพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น แต่ในธุรกิจ MLM นี้ หากผู้ร่วมทำธุรกิจไม่มีความสามารถเหมาะสม ก็เพียงไม่ใส่ใจเขาและหาคนใหม่มาทำงานแทน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย ช่างเป็นธุรกิจที่ทำลายคนอย่างแท้จริง

————————————————

หลังจากที่พี่เลิกทำธุรกิจนี้

+++++ พี่ได้คุยกับเพื่อนๆ (เมื่อ มิ.ย. 2551) ที่ทำงานประจำ และคุยกับเพื่อนๆบางคนที่เรียนจบปริญญาโท-เอก พี่ได้เห็นรูปเพื่อนๆเหล่านี่ใน Hi5 พี่พบว่า “เพื่อนแต่ละคนมีงานประจำทำที่มั่นคง  ไม่ว่าจะเป็นงานราชการหรือเอกชน  มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี  บางคนการงานก้าวหน้าบริษัทหรือทางราชการส่งไปดูงาน ไปทำงานที่เมืองนอก  มีรายได้ที่ดี บางคนมีเงินเก็บจากงานประจำ ไปเปิดกิจการส่วนตัวก็มี บางคนทำงานราชการสักระยะหนึ่ง แล้วมีโอกาสไปทำงานต่อกับบริษัทเอกชนชั้นนำที่เมืองนอก พี่ย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองว่า “หากตนเองเรียนต่อระดับปริญญาโท ตนเองคงมีอนาคตและมีอาชีพการงานที่ดีแล้ว ไม่ต้องเป็นคนตกงานไร้อาชีพและหมดอนาคตเหมือนในตอนนี้”

ดังนั้นพี่ขอเน้นว่า (เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจ MLM นี้)

1. หากน้องมีเงิน ให้เก็บไว้ลงทุนเรียนต่อดีกว่าเอาเงินไปเป็นค่าเข้าประชุมหรือแรลลี่ต่างๆ

2. เวลาที่มี นำไปใช้พัฒนาความรู้ด้านการศึกษาดีกว่าเอาเวลาไปเปิดเทปผู้นำฟัง

3. เวลาและเงินที่มี เอาไว้หาความรู้ด้านอื่นๆ หรือเอาไว้ลงทุนทำธุรกิจอื่นๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรวยด้วยธุรกิจนี้

4. อย่าไปเชื่อ อย่าไปฟังและอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนทำธุรกิจนี้มาก เพราะเขาเหมือนเป็นเมฆก้อนโตมาปิดบังหนทางชีวิตทางอื่น ที่เราอาจจะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

ใครก็ตามที่ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแล้ว เขาจะคบไว้ทำไมให้เสียเวลา

พี่เป็นคนหนึ่งที่ถูกเขาทอดทิ้ง

————————————————

คำเตือนสุดท้าย

+++++ พี่อยากเตือนว่า ถ้าใครได้เข้าไปสนิทสนมกับกลุ่มคนในธุรกิจนี้แล้ว ก็จะถูกล้างสมอง จะถูกกระตุ้นว่า ตนเองทำได้ ประสบความสำเร็จระดับสูงได้ ถ้าโลภมาก  คนๆนั้นก็จะลุยทำธุรกิจนี้อย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่เผื่อหนทางที่จะล้มเหลว หรือโดยไม่คิดถึงความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นได้

อย่างเช่นตัวพี่

———————————————————————

+++++ หากท่านใดมีประสบการณ์ชีวิตจากธุรกิจ MLM ขออย่าได้เก็บไว้ ได้โปรด บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ผู้อื่นได้รับรู้รับทราบ เพื่อเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ เป็นอุทาหรณ์ ไม่ให้ “หลง”เดินตามทางซึ่งจะนำมาซึ่งความล้มเหลวของชีวิต เพราะการให้คำแนะนำ นี้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ มีค่าเหมือนได้ช่วยชีวิตคน ให้รอดพ้นจากทางอันตรายหรือหลุมพรางที่กำลังจะเดินไป

+++++ สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครองท่านใดที่มีลูกหลานกำลังบ้าคลั่งทำธุรกิจ MLM นี้อยู่ ขอความกรุณาโปรดนำบทความนี้ พิมพ์ให้ลูกของท่านได้อ่าน ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

———————————————————————

ความเสี่ยงของธุรกิจ MLM กับอนาคตของอดีตนักศึกษาคนหนึ่ง, ประสบการณ์ชีวิตในธุรกิจ MLM, อนาคตที่นักศึกษาคนหนึ่งต้องเสียไปทั้งชีวิต เพราะถูกล้างสมองโดยการเข้า Center

Posted: กุมภาพันธ์ 8, 2010 in ประสบการณ์ชีวิตในธุรกิจ MLM
ป้ายกำกับ:, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,

อุทาหรณ์ข้อคิด จากประสบการณ์ชีวิตอันเจ็บช้ำที่สุดของ“ชีวิตคน”คนหนึ่ง จากธุรกิจ MLM

บทความทั้งหมดในเว็บนี้

ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

———————————————————————

ข้อความข้างล่างนี้ เขียนเมื่อ พ.ศ. 2548

———————————————————————

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนๆหนึ่งกับธุรกิจ MLM

เป็นประโยชน์กับทุกท่าน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาแต่ยังหางานทำไม่ได้

ขอให้อ่านให้จบและไตร่ตรองให้รอบคอบ

(เขียนเมื่อ ธ.ค. 2548 แต่ก็ยังมีประโยชน์จนถึงปัจจุบัน)

+++++ คงไม่มีใคร มีชีวิตราบรื่น พบแต่สิ่งที่ดี มีความสุข เพียงอย่างเดียว ชีวิตคนเราต้องเดินทาง ผ่านทั้งความสุข และความทุกข์ การนำความสุขและความทุกข์ที่ผ่านมาคิดทบทวนล้วนแต่เป็น ประโยชน์เพื่อที่จะค้นพบตัวเอง โดยนำมาเป็นบทเรียน และเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น และบอกเล่าผู้อื่นเป็นธรรมทาน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ หลีกเลี่ยงความผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้เขียนบทความนี้ก็คิดเช่นนี้ จึงได้นำเรื่องราวนี้มาเล่าให้เป็นบทเรียนแก่ทุกท่าน

+++++ ในสมัยนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักธุรกิจระบบเครือข่ายหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธุรกิจ MLM (ระบบ MLM) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตัดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคสินค้า เช่น ค่าโฆษณา ค่าการตลาด การกระจายสินค้า โดยมีทรัพยากรที่สำคัญ คือ “สมาชิกในเครือข่าย หรือ คนนั่นเอง” ซึ่งเป็นผู้แนะนำ ขายและจัดส่ง พร้อมทั้งเก็บเงิน และให้บริการลูกค้าด้วย อีกทั้งหากลูกค้าคนนั้นสนใจก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกของระบบ และสามารถมีธุรกิจ มีรายได้จากการแนะนำสินค้าแก่คนอื่นๆต่อไป ธุรกิจระบบเครือข่ายนี้ จึงขยายตัวออกไปได้เรื่อยๆด้วยสมาชิก  ธุรกิจ MLM จึงเป็นธุรกิจแนวใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ ประสบการณ์ และเงินลงทุนในการทำธุรกิจ สร้างเครือข่ายธุรกิจของตัวเองได้ โดยอาศัยตัวระบบเครือข่าย (ระบบ MLM) และเมื่อตราบใดที่สมาชิกในระบบซื้อสินค้าใช้ และ/หรือ ขายสินค้า ซึ่งทำให้เกิดยอดขาย-ยอดสั่งซื้อ เครือข่ายธุรกิจนั้นก็จะมั่นคง

+++++ ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ชีวิตทั้งในด้านดีและไม่ดีในธุรกิจMLM และอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นๆ ดังนั้นจึงอยากจะขอเรียกตัวเองว่า “ พี่ ”  น้องๆที่เพิ่งเรียนจบออกมาใหม่ๆ ควรรู้เรื่องนี้ไว้ เพื่อที่จะไม่ได้เสียเงินทองและเวลาอย่างที่พี่ได้ประสบมา

เหตุที่ทำให้อยากเล่าประสบการณ์ชีวิตนี้

+++++ พี่คิดได้ถึงความล้มเหลวของชีวิตพี่ เพราะเกิดจากการที่พี่เลิกทำธุรกิจไป ทำให้พี่คิดถึงผู้ที่เป็นหัวหน้าสายงานซึ่งเป็นคนที่สอนให้พี่เข้าใจธุรกิจ MLM ฝึกพี่เป็นพิธีกร  ให้พี่กล้าแสดงออกสอนพี่สาธิตสินค้า ทำแผนการตลาด และให้กำลังใจพี่มาตลอด พี่อยากจะรู้ว่าขณะนี้ เขาประสบความสำเร็จ ทำธุรกิจไปถึงไหนแล้ว พี่จึงได้โทรศัพท์ไปหาเขา และในระหว่างที่คุยกันทางโทรศัพท์ พี่ได้แกล้งพูดว่า “พี่อยากลองกลับ มาศึกษาและทำธุรกิจนี้ดูอีกที” แต่เขากลับพูดว่า “พี่เป็นคนเรียนเก่งนะ หัวสมองดี ความจำดี ควรเรียนต่อโท เอกให้จบไปเลย” เพราะอะไรเขาจึงพูดเช่นนั้น ? เขาได้เห็นแล้วหรือว่าพี่ทำไม่สำเร็จ ทั้งๆที่พี่ได้ทุ่มเทความพยายามและเวลา ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อเขาแล้ว? เขาจึงแนะนำให้พี่ไปหาทางประสบความสำเร็จทางอื่นซึ่งเหมาะสมกับพี่มากกว่า

ประสบการณ์ในธุรกิจ MLM

+++++ พี่ได้รู้จักกับธุรกิจ MLM นี้ ตั้งแต่สมัยที่พี่เรียนชั้นปี 3 เทอม 2 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร พี่ได้ไปฟังบรรยายการสาธิตสินค้า แผนการตลาด และได้ความรู้ว่า ธุรกิจนี้ “ให้คุณ (ผู้ถูกชวน) ประสบความสำเร็จก่อน แล้วเรา (ผู้ชวน-ผู้แนะนำ) จึงค่อยประสบความสำเร็จตาม” และในตอนท้ายของการบรรยาย มีผู้ประสบความสำเร็จขึ้นมาพูดถึงเงินทอง รางวัลที่ได้รับจากการทำธุรกิจนี้ ซึ่งใช้เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับความสำเร็จทางอื่น จุดนี้ทำให้พี่สนใจที่จะทำธุรกิจเช่นนี้บ้าง เพราะในขณะนั้นมีค่านิยมยกย่องเด็กที่เพิ่งจบการศึกษา แต่มีเงินมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นลูกจ้างของใคร ตัวพี่เองก็เป็นคนหัวดี เรียนหนังสือเก่งคนหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง สาขาที่พี่เรียนอยู่เป็นสาขาเฉพาะทาง ซึ่งมีตำแหน่งงานน้อยจึงอยากหางานอื่นที่มีรายได้ดีบ้าง นอกจากนี้ การที่เราได้เข้ามาเป็นสมาชิก ก็น่าจะทำให้รู้จักสมาชิกคนอื่นๆที่เขาสามารถฝากพี่เข้าทำงานได้ ( แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครฝากงานให้พี่เลย เขาคงคิดว่า เราคงไม่ตั้งใจทำงานให้กับบริษัทเพราะเราคงจะตั้งใจทำธุรกิจ MLM นี้มากกว่าเหมือนที่ตัวเขาเป็น) พี่จึงศึกษาระบบธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ทั้งอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องในเวลาว่าง และเข้าฟังการประชุมในตอนเย็น ช่วงบ่ายที่ไม่มีเรียนก็จะติดตามหัวหน้าสายงานไปดูงานที่เขาทำ เช่น สาธิตสินค้า อธิบายแผนการตลาด การสร้างรายได้-ความมั่นคงจากธุรกิจ แนะนำลูกค้า ปิดการขาย เป็นต้น และตัวพี่เองก็ได้ฝึก สาธิตสินค้า และเล่าแผนการตลาดด้วย บางครั้ง หัวหน้าสายงานให้พี่เป็นพิธีกร หรือเป็นผู้สาธิตสินค้า ดังนั้น พี่จึงมีหัวหน้าสายงานหลายคนและสมาชิกคนอื่นๆคอยสนับสนุน ให้กำลังใจ และเห็นว่าพี่สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM เป็นถึงระดับสูงได้ พี่เองก็คิดว่า “เราสามารถทำธุรกิจนี้สำเร็จได้ด้วยความมุ่งมั่นและมีคนคอยให้กำลังใจ ค่อยช่วยเหลือแนะนำอยู่ตลอด”  ดังนั้นเมื่อพี่จบการศึกษา จึงไม่ได้หางานประจำทำเลย อย่างไรก็ตาม พี่หาเครือข่ายสมาชิกได้ไม่กว้างขวาง รายได้พี่จึงไม่มาก แต่พี่ก็ยังคงสู้ทำธุรกิจต่อไปอีก 3 –4 ปี ด้วยกำลังใจสนับสนุนรอบด้านจนกระทั่งพี่มองไม่เห็นทางที่จะเจริญต่อไปได้และหมดเงินลงทุน พี่จึงตัดสินใจเลิกทำธุรกิจ MLM นี้ 100 % และมุ่งมั่นหางานประจำทำ ดังนั้นพี่จึงไปสมัครงานเป็นพนักงานตามบริษัทต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครสนใจในตัวพี่ พี่ได้กลายเป็นคนตกงาน ขาดความมั่นใจในชีวิต เพราะว่าพี่ไม่มีประสบการณ์ การทำงานในด้านไหนเลย เพราะบริษัทส่วนใหญ่รับคนมีประสบการณ์ หรือรับเด็กที่จบมาใหม่ๆ ที่สำคัญ คือพี่ไม่เคยใส่ใจเรื่องวิชาความรู้ เพราะพี่ได้เห็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM บางคนไม่ได้มีความรู้สูง ตอนนั้นพี่คิดแต่เพียงว่า เราต้องสำเร็จเพราะ “ถ้าสำเร็จแล้วจะได้ความสุขหลายๆอย่าง” อย่างที่ผู้ประสบความสำเร็จเหล่านั้นพูด พี่จึงไม่ได้ใช้เงินและเวลาในการพัฒนาวิชา ความรู้ ความสามารถของตัวเองเลย

+++++ เวลา 5 ปีช่างเร็วเหลือเกิน พี่ได้มองไปดูเพื่อนๆ บางคนเรียนจบโทมีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว บางคนทำงานที่บริษัทเดิมมานานได้เงินเดือนสูงขึ้นเรื่อยๆ ซื้อรถ ซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาท บางคนก็เก็บเงินไว้ลงทุนทำธุรกิจอื่นๆ บางคนได้ไปเที่ยวดูงานที่เมืองนอก พี่เห็นแล้วก็อิจฉาเพื่อนๆเหล่านั้น ส่วนพี่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเหมือนเพื่อนๆ ทั้งๆที่ความสามารถของพี่ก็ไม่แพ้เพื่อนๆ เลย แต่การเลือกทางเดินที่ผิดทำให้เส้นทางชีวิตของพี่เปลี่ยนไปจากที่ควรจะเป็น ตัวพี่ไม่เคยไปงานเลี้ยงในกลุ่มเพื่อนในสาขาวิชาเลยเพราะว่าพี่อายทั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องซึ่งมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เวลาเพื่อนๆถามถึงพี่ พี่มักจะบอกว่า เพิ่งออกจากงานมา กำลังหางานใหม่

จากเรื่องราวข้างต้น ให้ข้อคิดว่า

+++++ “คนที่ทำธุรกิจ MLM สำเร็จ จะได้ทุกอย่าง แต่คนที่ทำไม่สำเร็จ ต้องเลิกทำธุรกิจ MLM ไป  อาจเสียอนาคตทั้งชีวิตแบบพี่ก็ได้ ไม่ต่างอะไรกับเกมชีวิต หากลงทุนแล้ว ไปไม่ถึงจุดหมาย ต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ก็ต้องเสียทั้งเสบียงและเวลาโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา”

+++++ อีกเรื่องหนึ่ง คือ เมื่อธุรกิจแนวนี้ทรัพยากรที่สำคัญของระบบ คือ คน ดังนั้นจึงต้องชักชวน ผู้อื่นให้สนใจธุรกิจ MLM นี้ ด้วยข้อดีของธุรกิจชนิดนี้ต่างๆนานา เช่น สินค้าที่มีคุณภาพ แผนการตลาดที่ยุติธรรม ประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อประสบความสำเร็จโดยไม่ได้พูดถึงข้อเสียของธุรกิจเลย ที่สำคัญผู้ที่ประสบความสำเร็จบางคนที่เป็นผู้ใหญ่ ต้องการสมาชิกเป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่เพิ่งจบมา โดยไม่แนะนำให้หางานทำหรือมีเป้าหมายอื่นๆ ทางดำเนินชีวิตอื่นๆ

+++++ ทุกวันนี้ พี่สงสารน้องๆ เวลาที่เห็นน้องที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ หน้าใสๆ ยังไม่มีงานประจำทำ เข้ามาทำธุรกิจนี้ไปพลางๆก่อน เพราะว่าถ้าหากไม่สามารถประสบความสำเร็จ ในธุรกิจนี้ได้ ก็จะต้องเสียเวลา เสียเงิน พี่จึงอยากแนะนำน้องๆว่า MLM เป็นธุรกิจที่ดี สร้างรายได้ได้จริง ทำให้คนมีเป้าหมายของชีวิต แต่เมื่อน้องตัดสินใจว่าจะทำ ก็ต้องทำคู่กับงานประจำด้วย เพราะต้องคิดเสมอว่า มีความสำเร็จ ก็ต้องมีความล้มเหลว เงินทองที่ต้องจ่ายเพื่อสนับสนุนการขาย การเข้าอบรม ฟังบรรยายต่างๆ ก็ไม่ใช่น้อย บางที เงินส่วนนี้อาจจะเก็บไว้สำหรับศึกษาต่อ หรือเรียนเสริมความรู้เดิม ที่มีอยู่แล้ว และควรเก็บออมบางส่วนไว้ด้วย หากเราทุ่มเททำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยคิดว่าเราทำได้ เราต้องสำเร็จ แล้วไม่คิดเผื่อไว้ เราอาจจะสูญเสียเวลาและอนาคตได้ ขอให้น้องไตร่ตรองการทำธุรกิจนี้ และค้นพบความต้องการที่แท้จริง เพราะพี่คิดว่า ความสำเร็จในชีวิตคนเรา ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินโลกที่ต้องการจริงๆ อาจจะเป็นโลกใบเล็กๆ ที่มีแต่ความสุข ความช่วยเหลือ และความจริงใจก็พอ

+++++ สุดท้าย ขอฝากข้อคิดให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM บางประเภทว่า ความสำเร็จที่ได้รับนั้นได้ทำลายใคร หรือสังคมบ้างหรือไม่ เพราะความสำเร็จ ความมั่นคงของคุณอยู่บนความพยายามของผู้อื่น คุณกำลังใช้สิ่งที่คุณได้รับล่อลวงให้คนอื่นสร้างความมั่นคงให้กับตัวคุณเอง

+++++ พี่ยังคงมีกำลังใจอยู่ และคิดจะสู้ชีวิตต่อไป เพราะมีพ่อแม่ที่คอยให้กำลังใจ และศาสนาที่เป็นที่พึ่งพิงอย่างดี พี่เข้าใจว่าเป็นกรรมเก่าของพี่ อนาคตพี่อาจจะต้องทำงานเป็นพนักงานประจำ ร้านสะดวกซื้อ หรือในห้างสรรพสินค้า ไม่ก็อาจจะค้าขายเล็กๆน้อยๆ เช่น น้ำผลไม้ปั่น, ข้าวเปล่า, ขนมครก, หรือหนังสือพิมพ์ โดยการกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน พี่ก็จะมีความสุขบน โลกใบเล็กๆอย่างที่พี่ต้องการต่อไป ขอขอบคุณที่ได้อ่านเรื่องราวของคนๆหนึ่ง หวังว่าคงเป็นประโยชน์แม้ว่าจะยาว